เปรียบเทียบการรักษาทางคลินิกแผนจีน - แผนตะวันตก (ตอนที่ 6) วิธีการรักษาอาการปวด
เขียนโดย ธนาวัชร์ ธนาชววัฒน์
อาการปวดในทัศนะแพทย์แผนปัจจุบัน
1. ใช้ยาเคมีที่มีฤทธิ์ต้านหรือรบกวนการหลั่งสารที่เป็นตัวกระตุ้น เช่น พาราเซตามอล ยาแอสไพริน ยาแก้ปวดกลุ่ม N-SAID
2. สกัดกั้นการนำสัญญาณความเจ็บปวด เช่น ยาชาเฉพาะที่
3. เปลี่ยนแปลงการแปลผลของสมองเพื่อลดความรู้สึกการเจ็บปวด เช่น มอร์ฟีน
4. ลดความเครียดความกังวล กล่อมประสาทเพื่อลดความรู้สึกต่อการเจ็บปวด
อาการปวดในทัศนะแพทย์แผนจีน
แพทย์แผนจีนอธิบายสาเหตุของอาการปวดเกิดจากการไหลเวียนของเลือดและพลังลมปราณใน เส้นลมปราณ (Meridian) ติดขัด ไม่คล่อง : ความคล่อง-ไม่ติดขัด (ของเลือดและพลัง) ทำให้ไม่เจ็บปวด
การปวดก็เพราะการติดขัด-ไม่คล่อง (ของเลือดและพลัง)
ลักษณะการปวดแบบแพทย์แผนจีน
1. การปวดแบบเคลื่อนที่ เช่นการปวดตามข้อ และเปลี่ยนตำแหน่ง เป็นๆ หายๆ เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เหมือนลม เรียกว่า ปวดแบบลม
2. การปวดแบบลึกๆ หนักๆ เหมือนผ้าชุบน้ำ เรียกว่า ปวดแบบความชื้น
3. การปวดแบบอักเสบ บวม แดง ร้อน เรียกว่า ปวดแบบร้อน
4. ปวดแบบรุนแรงมาก โดยเฉพาะเวลากระทบความเย็น เรียกว่า ปวดแบบเย็น
5. ปวดแบบเข็มแทง เฉพาะที่ เป็นมากตอนกลางคืน เรียกว่า ปวดแบบเลือดคั่ง
6. ปวดแบบเรื่อยๆ ไม่รุนแรง เป็นมากเวลาอ่อนเพลีย เรียกว่า ปวดแบบร่างกายพร่องอ่อนแอ
ตำแหน่งการปวด บอกถึงการกระทบกระเทือน เส้นลมปราณอะไร เช่น
1. ปวดบริเวณหน้าผาก - ปวดเส้นลมปราณหยางหมิง
2. ปวดศีรษะด้านข้าง - ปวดเส้นลมปราณซ่าวหยาง
3. ปวดท้ายทอย - ปวดเส้นลมปราณไท่หยาง
4. ปวดกลางกระหม่อม - ปวดเส้นลมปราณเจี๊ยะยิน
5. ปวดศีรษะไปถึงฟัน - ปวดเส้นลมปราณซ่าว- ยิน
6. ปวดศีรษะร่วมกับเวียนศีรษะ ท้องเสีย - ปวดเส้นลมปราณไท่ยิน
7. ปวดเอว เอ็นร้อยหวาย - ปวดเส้นลมปราณเกี่ยวข้องกับไต
8. ปวดชายโครง - ปวดเส้นลมปราณเกี่ยวข้องกับตับ-ถุงน้ำดี
การวิเคราะห์แนวคิดเกี่ยวกับเลือดและพลังอุดกั้นกับอาการปวด
1. การไหลเวียนเลือดสู่เนื้อเยื่อผิดปกติ
1.1 การขาดเลือดของเนื้อเยื่อจากเลือดอุดกั้นไหลเวียนไม่ดี อาการปวดจะเป็นแบบปวดเหมือนเข็มแทงเฉพาะที่ปวดร้าว เช่น การปวดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ ปวดท้องประจำเดือน ปวดบริเวณที่เคยปวดถูกกระทบกระแทกฟกช้ำมาก่อน
1.2 การปวดจากเลือดน้อยหรือพลังชี่น้อย หรือภาวะพร่องทำให้เลือดไหลเวียนช้ากว่าปกติ อาการปวดจะเนิบๆ คลุมเครือไม่ชัดเจน ถ้าขาดเลือดและพลังมากจนภายในร่างกายมีความเย็นมาก ขาดพลังหยาง อาการปวดจะรุนแรง การปวดแบบนี้เมื่อใช้มือกดหรือใช้ความร้อนประคบจะรู้สึกสบายขึ้น
1.3 การปวดจากเลือดมาคั่งค้าง เกิดจากการอักเสบ อาจเนื่องจากการติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อ ที่มีอาการปวดบวมแดงร้อน ซึ่งถือเป็นการอุดกั้นชนิดหนึ่ง การรักษาต้องใช้หลักการระบายภาวะความร้อนและอุดกั้น อาการปวดแบบนี้ไม่ถูกกับความร้อน จะถูกกับการประคบความเย็น
2. การไหลเวียนของระบบน้ำเหลืองผิดปกติ
การ ปวดแบบนี้มีลักษณะตึงๆ แน่นๆ ซึ่งตรงมักเกี่ยวข้องกับการบวมน้ำ เช่นขาบวม ท้องมาน (มีน้ำในช่องท้อง) ในแพทย์แผนจีนคือการปวดจากภาวะความชื้นหรือเสมหะตกค้าง
เนื่องจาก ระบบน้ำเหลืองกับระบบเลือดมักสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ในทางคลินิกเวลารักษาการปวดจากเลือดอุดกั้นหรือความชื้นเสมหะอุดกั้นต้อง พิจารณาการให้ยารักษาร่วมกัน
3. การปวดจากการอุดกั้นในอวัยวะกลวง
ร่างกายคนมีอวัยวะภายในที่ตัน เรียกว่า อวัยวะจั้ง มีหน้าที่ในการเก็บ
อวัยวะภายในที่กลวงเรียกว่า อวัยวะฝู่ มีหน้าที่ลำเลียงส่งผ่านอาหารหรือสารคัดหลั่งหรือของเสียของระบบต่างๆ
การ ระบายของสิ่งต่างๆ ที่ไม่คล่อง-ติดขัดทำให้ เกิดอาการปวด เช่น ปวดนิ่วถุงน้ำดี การปวดแน่นอกเนื่องจากเสมหะไม่ออก การปวดท้องเนื่องจากท้องผูก การปวดตับอ่อนเนื่องจากการกดทับ การปวดร้าวเนื่องจากนิ่วอุดตันท่อไต
การรักษาด้วยแพทย์แผนจีนใช้หลักการคือ ทะลวงการอุดกั้นร่วมกับการบำรุงส่วนที่พร่อง
ทะลวงการอุดกั้น
1. เลือดอุดกั้น
2. พลังอุดกั้น
3. ความชื้น-เสมหะ (ของเหลว) อุดกั้น
4. ความเย็นอุดกั้น
5. ทะลวงการอุดกั้นของอวัยวะกลวง
6. ขับเหงื่อ ขับลมที่มากระทบผิว
บำรุงส่วนที่พร่อง - ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ทำให้เกิดภาวะอุดกั้น (โดยเฉพาะกรณีปวดเรื้อรัง)
- ภาวะเลือดพร่อง หรือพลังพร่อง หรือหยางพร่องหรือยินพร่อง
- ระบบอวัยวะภายใน เช่น ม้าม ไต ตับ ที่อ่อนแอ
- รวมถึงพิจารณาเส้นลมปราณที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมักเป็นตัวแสดงอาการปวดที่สะท้อนให้เห็นออกสู่ภายนอก
ตัวอย่างการรักษาอาการปวด
- ปวดชายโครง
แพทย์แผนปัจจุบัน : มักให้การรักษาด้วยยาระงับปวด ยากล่อมประสาท หรือฉีดยาชาเฉพาะที่ที่มีการกดเจ็บ
แพทย์แผนจีน : มองว่าเส้นลมปราณ ถุงน้ำดี และตับ ซึ่งเป็นเส้นลมปราณบริเวณด้านข้างลำตัวถูกกระทบกระเทือนทำให้เลือดและพลัง ติดขัด การรักษาจึงต้องทะลวงการอุดกั้นของเส้นลมปราณให้คล่องตัว อาการปวดจึงจะทุเลา ในทางคลินิกจะพบว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีภาวะทางอารมณ์หงุดหงิดร่วมด้วย (เพราะการไหลเวียนติดขัดของถุงน้ำดี จะสัมพันธ์กับพลังของตับ)
- ผู้ป่วยไส้ติ่งอักเสบ ถุงน้ำดีอักเสบ
- คออักเสบ
แพทย์แผนจีน : นอกจากจะใช้ยาสมุนไพรขับพิษขับร้อนแล้ว คออักเสบมีความเกี่ยวกับเส้นลมปราณปอด การขับความร้อนบนเส้นลมปราณลำไส้ใหญ่ (สัมพันธ์กับปอด)ออกโดยการถ่ายอุจจาระหรือระบายความร้อนบนจุดฝังเข็มปลายทาง ของเส้นลมปราณปอด (จุดซ่าวซาง) ทำให้อาการเจ็บคอและการอักเสบจะทุเลาได้เร็วขึ้น
- ปวดประจำเดือน
สรุป
การรักษา หรือบรรเทาอาการปวดแบบแพทย์แผนจีน เน้นกระตุ้นให้การไหลเวียนเลือดและพลังเดินได้คล่อง ไม่ติดขัด ซึ่งสาเหตุการติดขัด ต้องพิจารณาเป็นรายๆไป อาจเกิดจากลม ความเย็น ความชื้น เลือด หรือพลังอุดกั้น และพิจารณาภาวะพร่องของร่างกายว่ามีจุดอ่อนที่ส่วนไหน เลือด พลัง ยิน หยาง หรืออวัยวะภายในอะไร เพื่อทำให้เกิดสมดุล รวมทั้งการฝังเข็มกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นลมปราณต่างๆ ควบคู่กันไปด้วย
บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ นายแพทย์วิทวัส (ภาสกิจ) วัณนาวิบูล แห่ง มูลนิธิหมอชาวบ้าน ซึ่งเว็ป LoveYouPlaza.com ได้ขออนุญาตในการลงเผยแพร่เพื่อเป็นวิทยาทานเรียบร้อยแล้ว ทีมงาน LoveYouPlaza.com ขอขอบคุณคุณหมออย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ด้วย
-
อัปเดตล่าสุดเมื่อ: 03 สิงหาคม 2560
-
ฮิต: 698
สั่งซื้อฮั้วลักเซียม
สินค้าที่ชมล่าสุด
www.LoveYouPlaza.com ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์กับ DMCA เรียบร้อยแล้ว ห้าม คัดลอก ทำซ้ำ หรือ ดัดแปลง บทความ รูปภาพ ข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมด เว็ปที่ละเมิดจะถูก Google.co.th บล็อค ไม่ให้แสดงผลในลำดับการค้นหา ตามกฎหมายสากล Digital Millennium Copyright Act 1998 และ www.LoveYouPlaza.com จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับเว็ปไซต์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว